แนะวิธีเลี้ยงกระต่ายถูกวิธี เสริมมงคลรับปีเถาะ "ไม่ใช่แค่เลี้ยงง่าย แต่ต้องดูแลให้ดีที่สุด" (โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน)
ปีนี้เป็น "ปีกระต่ายทอง" ปีมงคลที่คนจำนวนไม่น้อยนิยมมอบกระต่ายเป็นของฝากแก่กัน หลายคนเชื่อว่าจะเป็นสัตว์นำโชคและสามารถเสริมดวงเรื่องโชคลาภ ความรัก ความร่ำรวยได้ ทำให้แหล่งขายกระต่ายแทบทุกแห่งในปีนี้ยอดรายได้ทะยานลิ่วอย่างไม่น่าเชื่อ...
สำหรับมือใหม่ที่อยากเลี้ยงกระต่าย อย่าคิดเพียงว่าเป็นแค่สัตว์เล็กที่เลี้ยงง่ายเท่านั้น ก่อนนำมาเลี้ยงควรพิจารณาหลายสิ่งหลายอย่างประกอบด้วย เพราะกระต่ายต้องการการดูแลอย่างถูกวิธี อีกทั้งเรื่องความรับผิดชอบต่อชีวิตสัตว์เป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากทำให้เขาต้องจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันควร หรือเบื่อแล้วปล่อยทิ้งขว้างไม่ไยดี คงไม่ใช่เป็นการเสริมดวงแต่จะสร้างบาปกรรมให้กับผู้เลี้ยงมากกว่า....
วันนี้ สัตวแพทย์หญิง ลลนา เอกธรรมสิทธิ์ หัวหน้าฝ่ายวิชาการสัตว์เลี้ยงพิเศษ (Exotic Pet) โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน มีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับการเลี้ยงดูกระต่ายอย่างถูกวิธีมาฝากว่า "นอกจากสุนัขและแมวแล้ว กระต่ายถือเป็นสัตว์เลี้ยงยอดนิยมอันดับต้น ๆ ที่คนสนใจ สังเกตได้ว่ากลุ่มของคนเลี้ยงกระต่ายมีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกวัน และรู้สึกดีที่เห็นคนหันมาเลี้ยงกระต่ายมากขึ้น ความจริงแล้วธรรมชาติของสัตว์ชนิดนี้อายุไม่ยืนนัก อายุขัยโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 5-10 ปี กระต่ายเป็นสัตว์ที่ไม่ได้เลี้ยงยาก เลี้ยงได้เหมือนสัตว์เลี้ยงทั่วไป เพียงแต่ต้องทราบว่าเขาต้องการอาหารและสิ่งแวดล้อมแบบไหนที่เหมาะสม"
"ธรรมชาติของกระต่ายเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แพร่พันธุ์ได้ง่ายและรวดเร็ว ออกลูกครอกหนึ่งประมาณ 6-10 ตัว ถ้าไม่ต้องการเลี้ยงเพื่อเพาะพันธุ์ก็ควรทำหมันเสีย ไม่เช่นนั้นภายในหนึ่งปีจะมีจำนวนมากทีเดียว กระต่ายเป็นสัตว์สุภาพ ชอบอยู่เงียบ ๆ เป็นฝูง อาหารส่วนใหญ่จะเป็นหญ้าและอาหารเม็ด
การเลี้ยงควรให้หญ้าสดและหญ้าแห้งเป็นอาหารหลัก เสริมผักและผลไม้เล็กน้อย การให้หญ้ามีประโยชน์กับกระต่ายมาก เพราะส่งผลต่อสุขภาพและการขับถ่าย ช่วยในการลับฟันตลอดจนป้องกันปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับฟัน นอกจากนี้ในฤดูฝนและหนาวกระต่ายจะเป็นหวัดและปอดบวมง่าย มีปัญหาเรื่องผิวหนัง ความอับชื้นและเชื้อรา ส่วนฤดูร้อนจะมีปัญหาเรื่อง Heat Stroke หรือการช็อคจากความร้อน เป็นต้น ดังนั้นจึงควรเอาใจใส่และดูแลเขาเป็นพิเศษในฤดูกาลต่าง ๆ "
สัตวแพทย์สาว ยังกล่าวต่อด้วยว่า ผู้เลี้ยงทั่วไปมักคิดว่ากระต่ายเป็นสัตว์ที่ตายง่าย แค่ตกใจก็ตายแล้ว ความจริงก็ไม่ถึงขนาดนั้น แล้วแต่ตัวมากกว่า เคยมีกระต่ายหลายตัวที่มารับการรักษาทำแผลซึ่งเจ็บมาก แต่ก็ถึงกับไม่ช็อคตาย คงต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และลักษณะของภูมิอากาศ ณ จุด ๆ นั้นด้วย เพราะส่วนใหญ่กระต่ายจะช็อคได้ถ้าร้อนมาก ๆ แต่ไม่ได้หมายความว่าอาการช็อคหรือตกใจง่ายจนตายจะเป็นกับกระต่ายทุกตัวเสมอไป
"อีกอย่างการหิ้วหูกระต่ายเป็นสิ่งไม่ควรทำ เพราะบริเวณหูมีเส้นเลือดเยอะมาก หากไปหิ้วหูจะทำให้เส้นเลือดบริเวณนั้นฉีกขาด หูจะช้ำ การจับที่ถูกต้องคือให้จับบริเวณหนังด้านท้ายทอยและช้อนก้นเพื่อช่วยรองรับน้ำหนัก ส่วนสถานที่เลี้ยงต้องไม่ร้อนจัด ไม่ชื้นแฉะ ลมไม่พัดแรง มีอากาศถ่ายเทสะดวก กรงต้องสะอาดและการให้อาหาร การเปลี่ยนน้ำต้องสะอาดเสมอ สิ่งสำคัญควรปล่อยให้กระต่ายได้วิ่งเล่นออกกำลังกายบ้าง จะทำให้เขามีอารมณ์เบิกบานแจ่มใสและไม่เหงาเกินไป"
นอกจากนี้ การเลี้ยงกระต่ายควรต้องระวังโรคด้วย เพราะจะมีโรคทั้งที่คนติดจากสัตว์และโรคที่สัตว์เป็นแล้วไม่ติดคน สำหรับโรคที่พบในกระต่ายส่วนใหญ่ จะมีโรคท้องเสียจากเชื้อบิด ซึ่งจะทำให้หูแดงคัน หรือบิดเบี้ยว โรคติดเชื้อราบริเวณฟันของกระต่าย ฯลฯ สำหรับคนก็สามารถเป็นภูมิแพ้ เช่นแพ้ขนกระต่าย เป็นต้น กรณีที่เลี้ยงกระต่ายร่วมกับสุนัขและแมวควรนำมาฉีดวีคซีนป้องกันพิษสุนขบ้าด้วย ซึ่งการฉีดวัคซีนสามารถทำได้เมื่อกระต่ายอายุ 4 เดือนขึ้นไป หากในบ้านมีเด็กและใกล้ชิดกับสัตว์เลี้ยงเป็นประจำ
ปัจจุบันกระต่ายมีหลากหลายพันธุ์ให้เลือก การที่จะตัดสินใจเลี้ยงกระต่ายสักตัว ควรเข้าใจถึงธรรมชาติของเขา ศึกษาถึงการดำรงชีวิตและลักษณะและนิสัยของพันธุ์นั้นด้วยว่าเป็นอย่างไร โดยทำความรู้จักให้ดีก่อนรับมันเข้าบ้าน ส่วนการเลือกซื้อกระต่ายควรเลือกเมื่ออายุประมาณหนึ่งเดือนครึ่งขึ้นไป เพราะเป็นช่วงที่หย่านมและเริ่มกินอาหารปกติได้แล้ว จะช่วยลดปัญหาเรื่องเลี้ยงกระต่ายเด็กเกินไปแล้วเสียชีวิต ลักษณะกระต่ายที่ดีคือต้องแจ่มใส ตาไม่ขุ่น ไม่มีขี้ตา ไม่มีน้ำมูก ดูก้นว่าสะอาดไม่เลอะเทอะ ตามตัวไม่มีบาดแผล สะเก็ดหรือขนร่วง อาการขาแป ฯลฯ เป็นต้น
สัตวแพทย์ลลนา ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า ให้ผู้เลี้ยงควรสังเกตกระต่ายเป็นประจำด้วยว่ามีอาการป่วยเกิดขึ้นหรือไม่ เช่นไม่ดื่มน้ำ ไม่กินอาหาร ขนร่วง ซึม เป็นแผล มีขี้มูกขี้ตา บางตัวอาจเป็นไรในหู คือขี้หูรวมตัวเป็นแผ่นหนา ซึ่งกระต่ายจะคันมาก หรือในกรณีที่กระต่ายเป็นตาฝ้า ลูกตามีหนองอยู่ข้างใน หรือมีน้ำตาไหล อาจเกิดจากเยื่อบุตาอักเสบ ขนทิ่มตา ท่อน้ำตาตัน ฝุ่นผงควัน ฯลฯ ก็ไม่ควรปล่อยไว้ควรพามาให้สัตวแพทย์ตรวจหาความผิดปกติเพื่อรักษาได้ทันการณ์
"กระต่ายเป็นสัตว์เลี้ยงที่เชื่อง ไร้เดียงสาและน่ารัก ส่วนใหญ่มีชีวิตที่น่าเศร้าเพราะอยู่ในป่ามักเป็นผู้ถูกล่า หรือไม่ก็เป็นสัตว์ทดลองในห้องแล็ป วันนี้กระต่ายอาจกลายเป็นสัตว์นำโชคของมนุษย์โดยไม่รู้ตัว หากเลี้ยงเพื่อเสริมดวงก็ควรดูแลเอาใจใส่เขาอย่างดีที่สุด ทำให้เขามีความสุข ด้วยวิธีการที่ถูกต้อง เพื่อเขาจะได้อยู่กับเราไปนาน ๆ" สัตวแพทย์สาว กล่าวสรุป
1.ดูแลและสังเกตเป็นประจำ ถ้าเกิดความผิดปกติเพียงเล็กน้อยต้องรีบพาไปพบสัตวแพทย์
2.ให้สัมผัสอย่างเบามือ
3.ทำความความสะอาดบริเวณกรงอย่างสม่ำเสมอ
4.ควรให้อาหารที่เหมาะสม
5.ควรให้ถ่ายพยาธิหรือตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1ครั้ง
สิ่งที่ไม่ควรทำในการเลี้ยงกระต่าย
1.อย่าหิ้วหูกระต่ายเด็ดขาด
2.อย่าให้อาหารประเภทขนมที่เป็นแป้ง คาร์โบไฮเดรต เพราะจะเกิดผลเสียกับเขา
3.อย่าเลี้ยงกระต่ายเป็นแฟชั่น ให้เลี้ยงเพราะว่าอยากจะเลี้ยง
4.อย่าอาบน้ำให้กระต่ายบ่อยเกินไป ประมาณ 3-4 เดือน/ครั้งก็พอ
5.หากที่บ้านมีแมว ไม่ควรเอาห้องน้ำแมวที่มีสารดับกลิ่นมาใช้กับกระต่าย ควรใช้ขี้เลื่อยหรือหนังสือพิมพ์แทน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น